เมื่อวันที่ 11 ต.ค.61 ที่ผ่านมา เวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า มีคนใช้อาวุธยิงตัวเองตาย เหตุเกิดที่บริเวณ ซ.ศรีสุชาติวิว ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 (บายพาส) ม.5 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากรับแจ้ง ร.ต.อ.สุรชาติ ทองใย รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองภูเก็ต จึงรายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต แพทย์เวรโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต
ที่เกิดเหตุภายในซอยดังกล่าว พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน บธ 3469 ภูเก็ต จอดอยู่ ที่บริเวณกระบะท้ายเปิดอยู่ พบศพ นายสมบัติ ศรีแสนสุชาติ อายุ 59 ปี ที่อยู่ 65 ม.5 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นน้องชายของนักธุรกิจชื่อดังด้านขนส่งและอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต สภาพศีรษะพาดอยู่กระบะของรถยนต์คันดังกล่าว สวมเสื้อเชิ้ตสีส้มอ่อน สวมกางเกงยีนส์ขายาว ที่กกหูด้านขวามีรอยกระสุนปืนจำนวน 1 รู และมีรอยแผลแตกเหนือค่อนขึ้นมาเกือบกลางศีรษะ พบอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสันสแตนเลส ตกอยู่ข้างศพผู้ตาย จำนวน 1 กระบอก ตรวจสอบพบว่า มีการยิงไปแล้วจำนวน 1 นัด และพบกระเป๋าชิปที่บรรจุปืนมีกระสุนอีก 6 นัดที่ยังไม่ได้ใช้ นอกจากนั้นยังพบกระดาษมีข้อความเขียนด้วยลายมือว่า ฝากลูก 2 คน วางอยู่ในกระเป๋าใส่อาวุธปืน ทางเจ้าหน้าที่ฯ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้นำศพส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อให้ชันสูตรอย่างละเอียด
จากการสอบถาม ภรรยาผู้ตาย ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 09.00 น. วันเดียวกัน ผู้ตายขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว เพื่อขึ้นไปดูแลสวนบริเวณที่เกิดเหตุ เป็นประจำทุกวัน และผู้ตายมักจะบ่นกับตนว่า เบื่อๆ เนื่องจากผู้ตายมีโรคประจำตัวท้องเสียเรื้อรัง และตนเห็นผิดสังเกตไม่ได้กลับมาบ้านเพื่อทานอาหารมื้อเที่ยง ต่อมาเวลาประมาณ 16.00 น. ตนไม่สามารถติดต่อผู้ตายได้ จึงแจ้งให้ คนงานของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งรู้จักกับผู้ตายช่วยตามหา จนมาพบว่าผู้ตายได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิตแล้ว และได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบในที่สุด
โดย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า ผู้ตายน่าจะมีความเครียดปัญหาสุขภาพของตัวเอง จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงจะทำการสอบสวน พร้อมมอบศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป