เมื่อวันนี้ 11 มี.ค.63 เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายได้ก่อเหตุชิงสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท จำนวน 2 เส้นแล้วหลบหนีไป เหตุเกิดที่บริเวณ ร้านทองเยาวราชสาขาภูเก็ต 2 ถ.ติลกอุทิศ 1 หน้าห้างโรบินสันโอเชี่ยนภูเก็ต ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังจากรับแจ้ง พ.ต.ท.สุชาติ หมีลำพอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีระวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่สายตรวจสภ.เมืองภูเก็ต รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ระหว่างนั้น ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ได้มีพลเมืองดีช่วยกันจับกุมผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุได้บ้านร้างอยู่ภายในซอยฮับเอก ถ.ภูเก็ต ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต ห่างจากร้านทองจุดเกิดเหตุราว 700 เมตร ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ไปตรวจสอบ
โดยจุดที่พลเมืองดีและสายตรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ช่วยกันจับตัวคนร้ายไว้ได้นั้น เป็นซอยที่สามารถทะลุได้ 2 ถนน ประกอบด้วย ถนนภูเก็ตและถนนตลิ่งชัน ซึ่งถือว่าเป็นกลางใจเมืองภูเก็ตรายล้อมไปด้วยชุมชนและบริษัท ห้างร้านต่างๆ พบชายฉกรรจ์สวมเสื้อแขนสั้นสีเทา นุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน ถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือไพล่หลังอยู่บนรถกระบะสายตรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นบุคคลตามกล้องวงจรที่บันทึกได้ขณะก่อเหตุ ทราบชื่อคือ นายทวีศักดิ์ เปลี่ยวเกตุ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101/411 หมู่ 5 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตรวจค้นภายในกระเป๋ากางเกง ยีนส์สีน้ำเงิน ด้านหน้าขวามือของผู้ต้องหา พบสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท จำนวน 2 เส้น จึงควบคุมตัวไปสอบสวนปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองภูเก็ต
ในเบื้องต้น นายทวีศักดิ์ฯ ให้การสารภาพว่า ตนไม่มีงานอยู่ระหว่างตกงาน และก่อนหน้าที่จะลงมือก่อเหตุได้นำสร้อยคอทองคำของแฟนสาวไปจำนำที่ร้านทองแห่งหนึ่ง สาขาห้างเทสโก้โลตัส ภูเก็ต แต่ไม่มีเงินไปไถ่ถอนคืนและไม่ได้ส่งดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องจนทำให้ทองหลุดจำนำ จากนั้นได้ตระเวนไปตามร้านทองเพื่อดูสร้อยคอทองคำลายที่เหมือนกับสร้อยคอเส้นเดิมของแฟนสาว จนพบว่าที่ ร้านทองเยาวราชสาขาภูเก็ต 2 ถ.ติลกอุทิศ 1 มีลายคล้ายกับสร้อยคอเส้นเดิมจึงลงมือก่อเหตุวิ่งราวทอง เพื่อต้องการนำสร้อยไปคืนแฟนสาว แต่มาถูกจับกุมตัวเสียก่อน และก่อนที่จะมาลงมือก่อเหตุได้ศึกษาดูวิธีชิงทองทางยูทูป ซึ่งตนศึกษาวิธีที่จะหลีกเลี่ยงการใช้อาวุธเพื่อป้องกันไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่ นายอภิรักษ์ ทองหวาน อายุ 37 ปี พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์และขี่รถ จักรยานยนต์ติดตามคนร้ายมาและช่วยกันจับกุมตัวไว้ได้เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยืนอยู่ร้านขายข้าวของตนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านทองดังกล่าว จากนั้นได้ยินเสียงสัญญาณภายในร้านทองดังขึ้น จึงรู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรแน่ภายในร้าน จากนั้นเห็นชายวัยรุ่นวิ่งออกมาจากภายในร้าน และวิ่งหลบหนีไปตามถนนติลกอุทิศ 1 ตนเองจึงคว้ารถจักรยานยนต์ขี่ติดตามคนร้ายไปห่างๆ จากนั้นคนร้ายได้วิ่งไปหลังโอเชี่ยนเก่าและเรียกคนรับรถแก๊ปที่จอดอยู่ข้างทางเพื่อให้ไปส่งที่โลตัส สามกอง แต่ถูกปฎิเสธ คนร้ายจึงได้วิ่งต่อตนจึงไล่ตามอย่างกระชัดชิดจนกระทั่งคนร้ายวิ่งเลี้ยวซ้าย เพื่อตัดออกไปยังถนนภูเก็ตมุ่งหน้าเข้าซอยฮับเอก ตนเองจึงเร่งเครื่องจนทันคนร้ายภายในซอยและวิ่งเข้าไปที่บ้านร้าง จากนั้นมีพลเมืองอีก 2 คนวิ่งเข้าไปช่วยกันจับกุมตัวได้ในที่สุด
ขณะที่ เจ้าของร้านทองดังกล่าวบอกว่า ก่อนเกิดเหตุภายในร้านอยู่ด้วยกัน 3 คน มีตน บุตรสาว และลูกจ้าง กำลังยืนอยู่ภายในเคาเตอร์ร้านทองระหว่างนั้นได้มีคนร้ายเข้ามาทำทีว่าดูทองคำหนัก 2 บาท โดยก่อนดูทองได้เอาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารมาโชว์ว่ามีเงินอยู่ บุตรสาวจึงได้หยิบทองให้ดูเมื่อดูเส้นแรกเสร็จก็ดูอีกเส้นทางร้านจึงหยิบให้ดู เมื่อได้ 2 เส้นคนร้ายทำท่าดู จากนั้นตนได้เดินไปหยิบของที่หลังร้าน คนร้ายฉวยโอกาสวิ่งเอาทองออกร้านทันทีทางประตูทันที โดยคนร้ายไม่มีอาวุธ ลูกจ้างที่อยู่ภายในร้านจึงได้กดสัญญาณขโมยดังลั่น จนมีพลเมืองได้ช่วยกันติดตามคนร้าย และตนพร้อมกับบุตรสาวก็ได้ไล่ติดตามคนร้ายเช่นกัน พร้อมตะโกนให้คนช่วย จนกระทั่งจับกุมคนร้ายได้พร้อมสร้อยทองคำคืน และอยากฝากขอบคุณพลเมืองดี และเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยกันจับกุมได้ในที่สุด
โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา วิ่งราวทรัพย์ และรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป