จากรณีเมื่อวันที่ 23 ต.ค.61 ที่ผ่านมา พ.ต.ต.คะแนน สมรักษ์ สว.(สอบสวน)สภ.ฉลอง ได้รับแจ้งว่า มีเหตุ 2 คนร้ายใช้อาวุธป้ายแหลมบุกเข้าไปชิงทรัพย์ที่ร้านขายของชำ เลขที่ 43/66 ซอยทรงคุณ ม.1 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งได้เงินสดประมาณ 3,000 บาท และสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท หลบหนีไปอย่างรวดเร็วและกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพขณะคนร้ายก่อเหตุได้อย่างชัดเจน จนกระทั่งทางพนักสอบสวน สภ.ฉลองได้ขอศาลจังหวัดภูเก็ตอนุมัติออกหมายจับคนร้ายทั้ง 2 คนและทราบว่า ได้หลบหนีออกจากพื้นที่จังหวัดภูเก็ตไปยังบ้านเกิด ซึ่งทางชุดสืบสวน สภ.ฉลองได้ไล่ล่าอย่างกระชันชิด
จนกระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 31 ต.ค.61 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ต.วิศาล พันธุ์มณี ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.เสริมพันธุ์ ศิริคง รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ภคยศ ทนงศักดิ์ ผกก.สภ.ฉลอง นำโดย พ.ต.ท.ธรรมสรรค์ บุญทรง รองผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ต.อนุรักษ์ กลางณรงค์ สว.สส.สภ.ฉลอง เจ้าหน้าที่ขุดสืบสวนกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และ ชุดสืบสวนสภ.ฉลอง ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายภูวนาถ หรือน้ำ มณีโชติ อายุ 27 ปี ที่อยู่ 73/3 ม.5 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 491/61 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2561 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีและใช้อาวุธ(มีด)โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม”สามารถจับกุม ได้ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 4/1 ซ.17 ถ.ทะเลหลวง ต.บ่อยาง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา และ ได้นำตรวจยึดสิ่งของที่ใช้ก่อเหตุประกอบด้วย หมวกกันน๊อคและอาวุธมีด ที่บ้านเลขที่ 1/38 ซ.ทรงคุณ ม.1 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต
และจับกุม นายนัฐวุฒิ หรือเอ็ม ดิสสระ อายุ 32 ปี ที่อยู่15/1 ม.1 ต.รำแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา ตามหมายศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 487/2561 ลงวันที่ 26 ตุลาคม 2561 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีและใช้อาวุธ (มีด) โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” สามารถจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าบ้านเช่าไม่มีเลขที่ สี่แยกโพธิ์ทอง ม.10 ต.ดอนทราย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
จากการสอบถาม นายนัฐวุฒิ หรือเอ็ม ดิสสระ ผู้ต้องหา ให้การยอมรับสารภาพว่า ตนและนายภูวนาถ หรือน้ำ มณีโชติ เป็นเพื่อนกันและได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง เนื่องจากตนและนายน้ำตกงานไม่มีงานทำเพราะไม่มีเงินใช้ ตนจึงชักชวนนายน้ำให้ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ ซึ่งทรัพย์สินที่มาได้เป็นเงินสด 4,000 บาท สร้อยทองคำหนัก 1 บาท จากนั้นนำทองไปขายได้เงินมา 16,000 บาทรวมเงินเป็น 20,000 บาท ตนจึงแบ่งให้นายน้ำ 10,000 บาท และตนได้ 10,000 บาท จากนั้นได้แยกย้ายกันหลบหนีก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมตัวได้ในที่สุด