จากกรณีมี ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งทำงานเป็นเภสัชกรในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.พังงา ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นในเพจ 1412 Cardiology เกี่ยวกับคำถาม “เข้ามาประเทศไทย ควร state quarantine 14 วัน เหมือนกันทั้งหมด ไม่มีข้อยกเว้น” ว่า วันนี้ มีคนไข้ชาวไทยมารับยาต้าน ทำงานในเรือประมง พยาบาลซักประวัติ จึงบอกว่า เดินทางมาจากประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 10 ก.ค. น่าจะขึ้นฝั่งที่ จ.ภูเก็ต ไม่มีอาการ จึงผ่านการคัดกรอง และไม่กักตัวด้วย เดิมช่วงโควิด-19 ระบาด คนไข้รายนี้ไม่ได้มาตามนัด เมื่อปลดล็อกแล้วก็มารับยา
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ก.ค.63 เวลา 14.30 น. ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายแพทย์ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต, นาวาเอกธรรมวรรต มาลัยสุขรินทร์ รอง ผอ.ศรชลจังหวัดภูเก็ต, ประมงจังหวัดภูเก็ต และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข้อเท็จจริงกรณีเจ้าหน้าที่ เภสัชกรในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.พังงา ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นกรณีระบุว่ามีลูกเรือประมงกลับจากอินโดไม่กักตัว 14 วัน จนกลายเป็นข่าวดัง ว่า ภายหลังการนำเสนอข่าวดังกล่าว นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที จากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง และเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของผู้โพสต์ ซึ่งลูกเรือคนดังกล่าวมีตัวตนจริง และไปรับยาจริง แต่เป็นยาโรคเบาหวาน ไม่ใช่ยาต้านไวรัสแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบลูกเรือคนดังกล่าวคือกัปตันประมงที่จับปลาอยู่ในพื้นที่ภูเก็ต พังงา ระนอง ไม่เคยเดินทางไปที่ประเทศอินโดนีเซียเลย
และการไปรับยาที่โรงพยาบาลตะกั่วป่า จ.พังงา นั้นเป็นการรับยาเบาหวานซึ่งเป็นโรคประจำตัว โดยระหว่างไปรับยาได้พูดคุยกับพยาบาลถึงเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว ว่าเคยออกทำการประมงอยู่ฝั่งอ่าวไทย และเคยได้ออกทำการประมงไปถึงน่านน้ำทางประเทศอินโดนีเซีย เหตุที่มารับยาช้าเนื่องจากติดช่วงของการปิดจังหวัด ยืนยันว่าไม่ได้ติดโรคระบาด โควิด-19 แต่อย่างใด อีกทั้งไม่เข้ากลุ่มเสี่ยง ตามที่ทางโรงพยาบาลมีมาตรการคัดกรองผู้ใช้บริการ
นายพิเชษฐ์ฯ กล่าวต่อไปว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายให้กับจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างมาก เพราะอาจถูกมองได้ว่า มีความหย่อนยานในมาตราการป้องกันโควิด-19 จึงอยากขอความร่วมมือในการโพสต์ข้อมูลต่างๆ ขอให้ระมัดระวังต้องตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อน เพราะหากเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่เป็นจริงจะสร้างความเสียหายแก่สังคม ขอยืนยันว่าขณะนี้จังหวัดภูเก็ตเป็นพื้นที่ที่มีการควบคุมโรคโควิด- 19 อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มติดต่อมากว่า 50 วัน และจังหวัดภูเก็ตพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตได้อย่างปลอดภัย
ส่วนจะมีการฟ้องร้องกับคนที่โพสต์และทำให้เกิดความเสียหายกับจังหวัดภูเก็ตหรือไม่นั้น คงจะต้องปรึกษากับอัยการจังหวัดก่อนว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร ในเบื้องต้นเป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่าการโพสต์แบบไม่คิดทำให้ภูเก็ตได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก จึงอยากเตือนว่าการโพสต์อะไรลงไปในสื่อสังคมโซเชียลควรจะต้องมีการตรวจสอบก่อน ไม่ใช่อยากจะเขียนอะไรก็เขียนลงไปโดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ด้าน นายแพทย์ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตยังคงมีการความเข้มงวดในการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และกรณีที่เป็นเรือที่เดินทางมาจากต่างประเทศจะต้องมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และลูกเรือที่ขึ้นฝั่งจะต้องมีการแจ้งรายละเอียดมาก่อน เมื่อมาถึงก็จะมีการลงไปตรวจคัดกรองในเรือก่อนที่จะนำมากัดตัวในสถานที่ที่รัฐกำหนด ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในมาตรการการควบคุมโรคโควิด-19 ของจังหวัดภูเก็ตและขอความร่วมมือประชาชนการ์ดอย่าตก ดำเนินการตามวิถีชีวิตแบบวิถีใหม่สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อร่วมกันป้องกันโรคให้ดีที่สุดเพื่อทุกคนในสังคมและประเทศชาติ
ขณะที่ นาวาเอกธรรมวรรต มาลัยสุขรินทร์ รอง ผอ.ศรชล.จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาได้มีมาตรการคุมเข้มโรคระบาด โควิด-19 ตั้งแต่ระดับประเทศ และระดับจังหวัดภูเก็ต มีการคุมเข้มทุกช่องทางการเข้า-ออกภายในจังหวัดภูเก็ต รวมถึงกรมประมงได้มีแนวทางการปฏิบัติงานให้กับเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ PIPO ทั่วประเทศ และเฝ้าระวังการเข้าออกของเรือประมง รวมทั้งบูรณาการคัดกรองลูกเรือร่วมกับหน่วยงานภายใต้ ศรชล ภาค 3 และศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดภูเก็ต เพื่อป้องกันการลักลอบนำคนเข้าเมืองที่อาจแฝงมากับเรือประมงพาณิชย์
ระบบการควบคุมติดตามเรือประมงพาณิชย์ของศูนย์ฯ PIPO นั้น เรือทุกลำที่เข้า-ออกต้องแจ้งผ่านระบบ E-PIPO ตามที่กรมประมงออกระเบียบไว้ และถึงแม้จะมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ทางศูนย์ฯ ยังคงมาตรการเข้มข้น และประสานงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและท่าเทียบเรือ ในการให้บริการร่วมคัดกรองและสอดส่องเรือต่างๆ ที่เข้ามาใช้บริการ ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่มีเรือประมงที่ผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตแน่นอน